fbpx

Hotel Consulting

รู้ให้จริง ทำให้เป็น เรื่องโรงแรม

อ่านบทความสรุปสถานการ์ณการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมด้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารในโรงแรมหรือร้านอาหารทั่วไปในประเทศเยอรมัน ถึงขั้นอยู่ในหัวข้อการพูดคุยบนเวทีงานเจรจาด้านการค้าในธุรกิจท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ประจำปี ITB Berlin ที่จัดที่กรุงเบอร์ลินทุกต้นเดือนมีนาคมของทุกปี

ประธานสมาคมการโรงแรมและร้านอาหารของประเทศเยอรมัน Guido Zoellick พูดถึงจำนวนแรงงานในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารของเยอรมันในปัจจุบันมีมากถึง 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 300,000 คนในรอบ 10 ปี ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเขามองว่า

  • ธุรกิจด้านอาหารและโรงแรมเป็นอุตสาหกรรมที่เรียกว่า Labor Intensive หรือ ใช้แรงงานมาก อันนี้ก็แน่นอนเพราะเราให้บริการแก่ลูกค้า
  • โครงสร้างประชากรของประเทศที่เปลี่ยนไป ประชากรสูงวัยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ประชากรในวัยทำงานลดน้อยลง ทำให้ขาดแคลนแรงงานป้อนเข้าสู่ตลาด
  • ระยะเวลาในการสรรหาบุคคลากรใช้เวลานานขึ้น

ดูเผินๆอาจดูเหมือนเป็นปัญหาเฉพาะพื้นที่ เป็นข้อมูลพื้นๆทั่วไป แต่จริงๆคงไม่ใช่ เพราะถ้าย้อนกลับมาดูที่บ้านเรา เราก็ได้ยินคนพูดว่าเราขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการให้บริการมาหลายปีแล้ว จนปัจจุบันก็ยังพูดอยู่ และมีปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนมากขึ้น จนทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราในปัจจุบัน (หากตั้งข้อสังเกต) จะเห็นว่า

  • สถานศึกษาด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมมีจำนวนมากขึ้น
  • หลักสูตรเน้นภาคปฏิบัติมากขึ้นตั้งแต่ปีแรกๆของการศึกษา
  • คุณภาพของแรงงานที่เข้าสู่ตลาด ?ข้อนี้มีหลายปัจจัย

ความจริง เด็กทุกคนมีศักยภาพ แต่ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างออกไปมาก ความต้องการที่จะเป็นเจ้าของกิจการเป็นนายตัวเองมีสูง ทำให้ระยะเวลาในการทำงานของแต่ละแห่งเพื่อให้เกิดความชำนาญและมีประสบการ์ณจึงสั้น หรือเปลี่ยนงานบ่อย ถ้าใครอยู่ในขั้นตอนการสรรหาพนักงาน เราจะเห็นในใบประวัติการทำงานของคนรุ่นใหม่ว่าเปลี่ยนงานบ่อย ตำแหน่งก้าวกระโดดรวดเร็ว และเมื่อเข้ามาทำงานจริง เราก็จะเห็นว่าบางคนความสามารถและศักยภาพอาจจะลดขั้นจากตำแหน่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันไป 1-2 ขั้นเลยทีเดียว เช่นสมัครตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแต่ไม่สามารถทำงบประมาณประจำปีได้ อ่านและวิเคราะห์รายงานด้านการเงินไม่ได้

ประสบการณ์ส่วนตัวมีถึงขึ้น แอบอ้างชื่อไปเป็นบุคคลอ้างอิง (Reference) โดยไม่ได้รับอนุญาตและบริษัทสรรหาคน (Head Hunter)โทรมาสอบถามประวัติการทำงาน เราก็ต้องให้ข้อมูลไปตามข้อเท็จจริง เช่น บริษัทต้องการผู้จัดการทั่วไป แต่คนที่สมัครขาดความรู้ความสามารถในการใช้งานโปรแกรม Excel ในการคำนวณ เราก็ต้องให้ข้อมูลไปว่า ผู้สมัครดูแลลูกค้าดี แก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าต้องการจะใช้งานในเรื่องการเงิน การวางแผนที่ต้องมีการคิดคำนวณอาจจะด้อยลงไปและไม่เหมาะกับความต้องการ

และถึงแม้จำนวนผู้จบการศึกษามีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของสถาบันการศึกษา แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น โรงแรมและร้านอาหารจึงประสบปัญหาในการหาทีมงานอย่างมากในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีเทคโนโลยี แอพลิเคชั่นมากมายที่ให้ผู้ว่าจ้างและผู้หางานมาเจอกันช่วยอำนวยความสะดวก แต่อัตราการเปลี่ยนงานก็ยังสูง คือ เข้าและออกอย่างรวดเร็วโดยไม่บอกกล่าว หรือบอกกล่าวระยะสั้นมาก เช่น บอกเช้า ไปบ่าย หรือไปเลย กรณีแบบนี้ ถ้าเป็น 7-8 ปีที่แล้วเราจะไม่ได้เห็นมากนัก และไม่เห็นในตำแหน่งระดับผู้จัดการ แต่ปัจจุบันพนักงานในระดับผู้จัดการ ก็ทำให้เห็นในหลายแห่งเช่นกัน

แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?

  • ปรับขั้นตอนและรูปแบบการสัมภาษณ์ ไม่ใช่มีแต่การพูดคุยแต่ให้ทดลองทำ เช่น เสริฟ ต้องลองเสริฟ ลองจัดโต๊ะ ดูท่าทาง หรือ บาร์ ต้องให้ลองชงเครื่องดื่ม และไม่ใช่ดูแต่รสชาติและการนำเสนอ. ตาควรดูวิธีการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆด้วย
  • ปรับระยะทดลองงานที่มีเงื่อนไขตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น พ่อครัว ทำอาหารแล้ว ก็ต้องรู้ว่าการคำนวณต้นทุนอาหารคิดอย่างไร รักความสะอาดขนาดไหน
  • หลักเกณฑ์การให้รางวัลและลงโทษ การปรับเลื่อนขั้นมีความชัดเจน เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการความชัดเจน
  • สำหรับบุคคลอ้างอิง หากมีการทำ Reference Check ก็ควรให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เพราะการให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา จะช่วยลดการไปสร้างภาระกับกิจการของคนอื่น
  • สถาบันการศึกษา ถึงแม้จะเน้นภาคปฎิบัติมากขึ้น แต่ก็อยากให้เสริมในเรื่องการเชิญพนักงานที่ทำงานในตำแหน่งต่างๆจริงๆ ไปบรรยายให้นักศึกษาได้ความรู้และเห็นภาพโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ใช่ให้นักพูดที่ไม่เคยทำงานจริงไปพูด เพียงเพราะพูดเก่ง
  • โรงแรมและร้านอาหารที่รับนักศึกษาฝึกงาน ต้องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ในการฝึกงาน ไม่ใช่พอเป็นเด็กฝึกงานก็ใช้งานสารพัดจับฉ่าย แบบนี้เด็กจะไม่ได้ความรู้อะไร และเบื่อหน่ายกับการฝึกงาน

ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานอย่างตรงไปตรงมา ปัญหาอาจจะทุเลาลงบ้าง เราก็จะมีแรงงานที่มีคุณภาพเข้าในตลาดมากขึ้น

อย่าลืมว่า เราเข้าสู่ระยะที่มีประชากรสูงวัยมากขึ้น วัยทำงานและวัยศึกษาลดลงเมื่อเทียบกับผู้สูงวัย ดังนั้น ถึงแม้สถาบันการศึกษาจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณที่จะเข้าสู่ตลาด และออกมาอย่างมีคุณภาพก็ยังอยู่ในทิศทางที่ลดลง นั่นแปลว่า ระยะเวลาในการสรรหาพนักงานในบ้านเราก็จะยากลำบากและใช้เวลานานขึ้นอย่างแน่นอน

เราต้องช่วยกันอย่างจริงจังมากขึ้นจริงๆค่ะ