นั่นสินะ … จะฟังใครดี?
คนโน้นก็บอกแบบนี้
คนนี้ก็บอกแบบนั้น
ที่สำคัญ…คนไม่เคยทำโรงแรม ไม่เคยบริหารโรงแรมนี่แหละให้คำแนะนำชนิดเป็นตุเป็นตะเลยทีเดียว
แถมไม่เคยถามซักคำว่าโรงแรมที่ตนให้คำแนะนำนั้นเป็นโรงแรมแบบไหน ลูกค้าเป้าหมายเป็นใคร
ภาพแบบนี้เราจะเห็นบ่อยครั้งตามเวทีสัมมนาต่าง ๆ หรือเวทีเสวนาในเรื่องที่ได้รับความนิยมหรือตั้งชื่องานแบบไม่ไปไม่ได้จะตกเทรนด์ พอมีคนเดินไปถามคำถามผู้ร่วมวงสัมมนาปุ๊บ อธิบายกันเป็นฉาก ๆ เลยทีเดียว
เราอยู่กันในสังคมที่ล่องลอยไปกับกระแสต่าง ๆ ง่ายเหลือเกิน ใครเด่นใครดังบนโลกออนไลน์หรือพอจะมีชื่อเสียงทางใดทางหนึ่ง ก็พร้อมจะตั้งตนเป็น “ผู้รู้” ทันที และที่น่าแปลกใจคือคนเหล่านี้ก็ช่างกล้าที่จะให้คำปรึกษาในเรื่องที่ตนเอง “ไม่รู้จริง” เสียด้วย ทำให้สิ่งที่น่าสงสารที่สุดคือ คนที่ได้รับคำแนะนำผิด ๆ เหล่านั้นไปลงทุนมากมายตามคำแนะนำเพราะหวังจะเปลี่ยนแปลง แต่แล้วกลับเสียเงินเปล่า แต่เอาผิดกับใครไม่ได้เพราะผิดที่หลงเชื่อตามคำแนะนำนั้น
ตัวอย่างโฮสเทลมีปัญหาต้องแข่งขันแต่ราคาทั้งที่โฮสเทลนี้จัดเต็มทุกอย่างให้ลูกค้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าเทียบเท่าซิตี้โฮเต็ล ลูกค้าต้องการอะไร ขอได้ตลอด ไม่เคยคิดเงินเพิ่มเหมือนโฮสเทลอื่น ๆ แถมยังเลี้ยงโน่นนี่ลูกค้าบ่อยครั้ง
วันหนึ่งเจ้าของไปฟังสัมมนางานหนึ่ง คนมาบรรยายไม่เคยบริหารโรงแรม ทำแต่ร้านอาหารตลาดบนมาตลอด พอจบงานเจ้าของโฮสเทลเดินไปขอคำแนะนำว่าจะทำอย่างไรดีให้ธุรกิจดีขึ้น คนมาบรรยายบอกต้องใส่บริการเพิ่มเข้าไปอีกนะให้พรีเมี่ยมเข้าไว้โดยใช้คำยอดฮิตคือสร้างประสบการณ์ด้วยเซอร์วิสดีไซน์
เจ้าของโฮสเทลได้ฟังคำแนะนำแต่ไม่ทันไตร่ตรองให้ดี เห็นว่าเป็นผู้รู้จึงกลับไปทำตาม ผลปรากฏว่ายิ่งทำให้ธุรกิจแย่ลงเพราะต้นทุนต่อเตียงเพิ่มสูงขึ้นแต่ราคาขายยังต้องขายเท่าเดิมคือ 350-380 บาทต่อเตียง แปลว่ารายได้เสมอตัวแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น แถมลูกค้าพอได้คืบจะเอาศอก ยิ่งดีมานด์มากขึ้นทั้งที่โดยทั่วไปการให้บริการของโฮสเทลนี้ก็เหนือกว่าที่อื่น ๆ อยู่แล้ว
นั่นสินะ…แล้วจะเชื่อใครดี?
อีกตัวอย่าง …คอนเซ็ปท์ดี ไอเดียดี แต่ไปต่อไม่ได้ แถมยังมาจัดสัมมนาราคาหลายหมื่นจั่วหัวให้ความรู้ด้านการบริหารโรงแรม อันนี้ก็อันตราย เพราะการทำโรงแรมออกมาดีมีคอนเซ็ปท์แต่ขายไม่ได้นั้น นี่คือ “ทุกข์” ของทุกเจ้าของกิจการ หรือ ออกแบบเก่ง แต่ไม่เคยรู้ว่าทีมให้บริการต้องมีพื้นที่ใช้งานอย่างไรบ้าง ในที่สุดคนที่ต้องเสียเงินแก้ไขงานคือเจ้าของโรงแรมเสมอ
ก่อนจะเชื่อใคร…ถามตัวเองก่อนว่าคนที่เราไปขอคำปรึกษาเขาเป็นใคร มีประสบการณ์ด้านไหนมาบ้าง จากนั้น
ขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1) ตั้งสติให้มั่น
2) ตอบให้ได้ว่าธุรกิจโรงแรมที่พักของคุณเป็นแบบไหน
3) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นใคร
4) ปัญหาที่พบอยู่แท้จริงแล้วคืออะไร ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การบริหารจัดการ …หาให้เจอ
5) เรียงลำดับความสำคัญ และความจำเป็นเร่งด่วนของปัญหา เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาเหมาะสมกับความเร่งด่วน
6) สำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดสำหรับโรงแรมที่พักที่มีลักษณะคล้ายกับธุรกิจของเราว่าเขาเป็นอย่างไร
7) หากฟังคำแนะนำจากหลายที่ ชั่งน้ำหนัก และนำมาปรับให้เข้ากับธุรกิจของเรา ไม่ใช่นำคำแนะนำที่เขาใช้กับธุรกิจของเขามาใช้กับเราโดยไม่ปรับอะไรเลย
8) อย่าคิดเอาเอง
9) จด และวิเคราะห์ทุกอย่างให้เป็นขั้นตอน อย่าแก้ปัญหาแบบขอไปที หรือทำทีละจุดและสร้างปัญหาให้พันกัน
10) กลับไปที่ข้อ 1 เสมอไม่ว่าจะทำอะไร
ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ ขอจบด้วยเพลงอัสนีวสันต์เพลงหนึ่งที่มีเนื้อร้องว่า “….ปัญหามา…ปัญญามี…เนอะ”