fbpx

Hotel Consulting

รู้ให้จริง ทำให้เป็น เรื่องโรงแรม

look no further

เมื่อผู้ว่าททท.กล่าวว่า “อย่าหวังน้ำบ่อหน้า…….” จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆคนพอได้อ่านข่าว หรือได้ฟังก็ถึงกับนั่งพัก ตั้งหลักใหม่กันเลยทีเดียว

ประเด็นก็คือ “ให้เราอยู่กับความเป็นจริง และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น”

เมื่อสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวของบ้านเราขึ้นอยู่กับต่างชาติเป็นหลัก แต่ด้วยสถานการ์ณโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ระหว่างประเทศได้ เท่ากับว่ารายได้ที่เราเคยตั้งเป้ากันไว้ว่าจะทำได้ที่ 40.0 ล้านคน สร้างรายได้ที่ 2.03 ล้านล้านบาทนั้นก็คงต้องลืม ๆ ไปก่อน และหันกลับมาดูที่รายได้ที่จะมาจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ซึ่งตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2563 อยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท

ถ้าเปรียบเทียบสัดส่วนรายได้ระหว่างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกับนักท่องเที่ยวในประเทศ จะอยู่ที่ 65 : 35

ตัวเลขสัดส่วนรายได้ที่แตกต่างกันมากนั้นสะท้อนถึงยอดใช้จ่ายต่อหัวที่แตกต่างกันด้วยระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลจึงพยายามเร่งผลักดันมาตรการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นซึ่งหวังว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศในหลักหมื่นล้านบาท

เมื่อโรงแรมต้องกลับมาอยู่บนความเป็นจริง ขอให้ตั้งหลักให้ดีและประเมินทุกอย่างบนข้อเท็จจริง และกำลังปัจจัยของแต่ละคน โดยเริ่มจากเลิกตั้งคำถามว่า “ทำไมเป็นแบบนี้” หรือ “ทำไมต้องเกิดอะไรแบบนี้” เพราะความจริงคือ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และจะยังอยู่กับเราต่อไปอีกนานพอสมควรจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เกิดขึ้นและใช้งานได้จริง

ดังนั้นขอให้พิจารณาและประเมินสิ่งต่าง ๆ ตามประเด็นต่อไปนี้

1. เงินทุนคงเหลือ

ที่ไม่เลือกใช้คำว่า “เงินทุน” เฉย ๆ เพราะหลายโรงแรมเดินทางมาสักพักจนต้องเรียกว่า “เงินทุนคงเหลือ” แล้วเพราะในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็ต่างลงขันกันในระหว่างหุ้นส่วน ผู้ร่วมทุนกันไปพอสมควรแล้ว หรือบางโรงแรมอาจจำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็น จนทำให้เงินทุนที่มีเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าของโรงแรมควรประเมินก็คือ ภายใต้เงินที่คงเหลืออยู่ ธุรกิจจะสามารถดำเนินต่อไปได้อีกกี่เดือน และถ้าต้องการเงินทุนเพิ่ม ความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มเติมเป็นเท่าไหร่ สำหรับโรงแรมที่มีการกู้ยืมมาทำธุรกิจ ส่วนโรงแรมใครไม่มีหนี้สินอะไร และไม่สามารถควักเงินส่วนตัวใส่เข้ามาได้อีกต่อไปแล้ว ก็ควรเริ่มติดต่อสถาบันการเงินเพื่อให้เขาช่วยประเมินว่าโรงแรมของคุณสามารถกู้ได้เท่าไหร่ ภายใต้เงื่อนไขอย่างไร อัตราดอกเบี้ยเป็นเท่าไหร่ และคุณค่อยกลับมาประเมินว่า ภายใต้ตลาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คุณจะสามารถสร้างรายได้เพียงพอที่จะมาผ่อนชำระตามเงื่อนไขของธนาคารได้หรือไม่

ตัวเลขที่ประมาณการนั้นควรรวบรวมให้ครบถ้วนไม่เฉพาะแต่เรื่องเงินที่จะใช้จ่ายเงินเดือนพนักงาน แต่ควรทำงบการตลาด การขายและการประชาสัมพันธ์ทางช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะออนไลน์เป็นหลักด้วย

2. ทรัพยากรและทีมงานที่มีอยู่

ทีมงานและทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่สามารถใช้งานและเพียงพอในการให้บริการลูกค้าได้มากน้อยอย่างไร สถานการ์ณในอีก 6 เดือนข้างหน้า ปริมาณลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาตามแผนการตลาดและการขายที่คุณได้ลงมือทำ และมีแผนที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

สำหรับโรงแรมที่มีรายการที่ต้องปรับปรุงเล็ก ปรับปรุงน้อยเพื่อให้โรงแรมดูสดใสมากขึ้นนั้น ควรเร่งรวบรวมรายการสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นเรียงลำดับความสำคัญให้ดีว่าอะไรก่อนหลัง อะไรรอได้ แล้วทะยอยจัดซื้อให้เหมาะสมกับรายได้และเงินหมุนเวียนที่มีอยู่

ส่วนทีมงานนั้นก็ควรปัดฝุ่นเล็กน้อยโดยเพิ่มเรื่อง Health and Safety เข้าไปในทุกส่วนทุกขั้นตอนในการให้บริการว่าจะสามารถตอบสนองทั้งความต้องการลูกค้าได้อย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการมากขึ้น

สิ่งที่เห็นบางแห่ง เช่น ร้านอาหาร มีการป้องกันอย่างดี แยกสำรับทุกอย่าง แต่ไม่มีเรื่องการเว้นระยะห่างเลย พนักงานยังคงยืนจับกลุ่มคุยกันเมื่อไม่มีลูกค้าโต๊ะไหนเรียกเสมอ

3. ตลาดในประเทศ

อย่างที่เคยย้ำไปในหลายบทความ และใน podcast ว่าคำว่า “ตลาดในประเทศ” ต้องไม่ลืมชาวต่างชาติที่ทำงานในบ้านเราด้วยเป็นอันขาด เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่โรงแรมควรใส่ใจและทำการตลาดเช่นกัน

ถึงแม้ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทุกคนต้องระมัดระวังในเรื่องค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่เชื่อว่าถ้าคุณจัดแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะกับโรงแรมของคุณ ก็เชื่อว่าคุณจะสามารถออกแบบการสื่อสารการตลาดให้เข้าถึง และสร้างความสนใจให้ลูกค้ามาจองห้องพักกับคุณได้แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าในระหว่างที่เราถูกล็อคดาวน์ คุณและโรงแรมของคุณแสดงออกอย่างไร สื่อสารกับลูกค้าของคุณอย่างไร ถ้าคุณมีการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ คุณมีโอกาสที่จะกลับมาได้เร็วกว่าโรงแรมที่ไม่มีการสื่อสารการตลาดเลย

4. รายได้กับแผนการตลาด

สำหรับโรงแรมที่มีการจำหน่าย Voucher ไปล่วงหน้าใช้ได้แบบอีก 1-2 ปีเลยนั้น เงินที่เข้ามาคุณวางแผนจัดการอย่างไร เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นประจำเดือนมากน้อยอย่างไร และถ้าจะเปิดต่อไปให้ถึงสิ้นปีด้วยความหวังว่าไตรมาสสุดท้ายของปีสถานการ์ณจะดีขึ้น คุณควรจะมีเงินหมุนเวียนเพื่อให้โรงแรมเดินต่อไปได้เท่าไหร่

สิ่งสำคัญคือ โรงแรมควรลุกขึ้นมาทำการตลาดแบบ Super Active Marketing หรือเรียกว่า “วิ่งเข้าใส่ ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าเห็นโรงแรมคุณในทุกช่องทาง” ส่วนใครที่ยังคงทำการตลาดแบบเดิม ๆ แล้วก็นั่งบ่นเรื่องความไม่เท่าเทียมกันบนขนาดของธุรกิจ ทำให้โรงแรมขนาดเล็กสู้โรงแรมขนาดใหญ่ไม่ได้นั้น ก็คงต้องปล่อยให้เขาอยู่กับตรงนั้นไป เพราะในยุคปัจจุบันการทำธุรกิจไม่ได้อยู่ที่ขนาดแล้ว แต่อยู่ที่ “ใครเร็วกว่ากัน” เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณเสียไปกับการย้ำคิดย้ำทำกับเหตุการ์ณในอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้นั้นก็ยิ่งแสดงว่าคุณไม่ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

คุณควรจะคิดตั้งแต่ก่อนที่จะลงทุนทำแล้วว่า “คุณเลือกที่จะทำโรงแรมที่พักขนาดเล็ก” เพราะฉะนั้นก็ใช้ข้อได้เปรียบ หรือจุดแข็งของความเล็ก ความคล่องตัว และสร้างกลุ่มตลาดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มให้เกิดขึ้น แทนที่จะมานั่งบ่นไปเรื่อย ๆ จนจบวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกโรงแรมมีเวลาอีก 6 เดือนในปีนี้เพราะฉะนั้นคิดจะทำอะไร “ลงมือทำ”

แต่ถ้าคุณคิดว่า “คุณจะไม่ไปต่อ” ก็ควรศึกษา 2 เรื่อง คือ การเปลี่ยน Business Model หรือศึกษาแผนการออกจากธุรกิจ ( Exit Plan ) ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย

อย่าตั้งหลักนาน เวลามีจำกัด อยู่กับข้อเท็จจริง และกล้าที่จะตัดสินใจ

thethinkwise · EP21 – โรงแรม อย่าหวังน้ำบ่อหน้า