
Long Covid กับ โรงแรม …อยู่ยาว
เมื่อต้องอยู่ด้วยกันแบบยาว ๆ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ทั้งนักท่องเที่ยว และผู้ให้บริการ คือฝั่ง โรงแรม และทีมงานให้บริการจะปรับแผนการบริหารจัดการอย่างไรในระยะยาว ?
คำถามที่ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะฝั่งโรงแรมขนาดเล็กขนาดกลางที่ในปีนี้เป็นจุดที่เกินเฮือกสุดท้ายที่จะไปต่อได้แล้ว แต่เมื่อมาตรการต่าง ๆ มีการผ่อนคลายมากขึ้น อัตราผู้ได้รับวัคซีนอยู่ในระดับที่ไปต่อได้ แต่ก็จะมีการเกิดขึ้นใหม่ของสายพันธ์ุโควิด-19 ที่พัฒนาตัวเองต่อสู้กับวัคซีนที่มนุษย์ได้รับและสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป
ฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปใช้ชีวิตเหมือนปกติ เรียกว่าอยู่กับโควิด-19 อย่าง(เสมือน)ปกติทั้งผู้บริโภคและธุรกิจต่าง ๆ หรือจากที่เราเห็นตามภาพข่าวในเรื่องการจัดแข่งขันกีฬาในสนามที่รองรับผู้ชมได้เป็นหลักหมื่นอย่างเช่นในอังกฤษที่มีการแข่งฟุตบอลก็เปิดให้บริการและดำเนินกิจกรรมตามปกติ กองเชียร์แต่ละฝั่งแทบจะหาคนใส่หน้ากากอนามัยไม่เจอ
สัปดาห์ที่ผ่านมามีการผลักดันการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้งผ่านเวทีสัมนา เวทีแสดงความคิดเห็นหลายเวที รวมทั้งตัวแทนจากสมาคมโรงแรมไทยก็เข้มแข็งในการขับเคลื่อนการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งเนื่องด้วยตัวเลขในช่วงไตรมาสสุดท้ายในปีที่ผ่านมามีตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในหลักแสนต้น ไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวในบ้านเราเดินต่อไปได้ ถ้าจำนวนต่ำกว่า 3.0 ล้านคน หรืออย่างน้อย 10% จากตัวเลขที่เคยเป็นมา
ถ้าพิจารณาในเรื่องผลกระทบต่อร่างกายเราหลังเป็นโควิด-19 บางคนก็บอกว่าเราจะเหนื่อยง่ายมากขึ้น หายใจเหนื่อย หายใจได้ไม่เต็มปอด เพราะปอดเราทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิม หรืออาจยังมีอาการมึนหัว เวียนหัว แนะนำให้อ่านบทความทางการแพทย์จากโรงพยาบาล อย่างเช่น บทความจากรพ.รามาธิบดี https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/ภาวะ-long-covid-ลองโควิด-เมื่อโรค/ ฉบับนี้เป็นต้นเพื่อให้เข้าใจข้อมูลที่แท้จริง
แล้วถ้ากลับมาพิจารณาในด้านการบริหารธุรกิจโรงแรมกันบ้าง สภาวะลองโควิดของโรงแรมมีอาการอย่างไรกันบ้างตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา
- ปรับจำนวนพนักงานให้เหมาะสมกับปริมาณลูกค้า
- ลดจำนวนพนักงานเนื่องจากต้องหยุดให้บริการชั่วคราว
- ปิดให้บริการ
- ปิดและกลับมาเปิดเมื่อมาตรการเดินทางและการกักตัวผ่อนคลาย แต่ประสบปัญหาเรื่องการรักษาพนักงานที่มีทักษะในการให้บริการ
- ต้นทุนในการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องสุขอนามัยและการป้องกันโควิด-19
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลทีมงานพนักงานที่เพิ่มสูงขึ้นจากการตรวจ ATK เป็นระยะ และเพิ่มความถี่เมื่อมีการระบาดในพื้นที่
- ต้นทุนเรื่องพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งน้ำมันและไฟฟ้า
- ปริมาณลูกค้าภายในประเทศที่สร้างตลาด weekday vs. weekend ทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยวันธรรมดา 20-30% และวันหยุดสุดสัปดาห์ 60-80%
- การจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงโรงแรมมากขึ้น ในขณะที่ฝั่งผู้ให้บริการก็เพิ่มกฎกติกาที่ทำให้การเข้าถึงของลูกค้ายากขึ้น หากไม่ลงโฆษณากับผู้ให้บริการ
- กำลังซื้อของลูกค้าที่ลดน้อยถอยลงเนื่องจากต้องเรียงลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายประจำเดือนตามภาระผ่อนชำระหนี้ ทำให้งบประมาณที่จะจัดสรรเพื่อการท่องเที่ยวลดลง ทั้งในเรื่องความถี่ในการท่องเที่ยว และระยะเวลาในการเข้าพัก
- มาตรการ WFH ของบริษัทต่าง ๆ อาจใช้ได้จริงในบางแห่ง แต่จำนวนชั่วโมงในการทำงานที่เพิ่มขึ้นของพนักงานทำให้เกิดการเหนื่อยล้ามากขึ้น ส่วนการไปทำงานต่างจังหวัดอาจมีความติดขัดในเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทผ่าน Cloud system บ้างในบางแห่ง
เราลองมาพิจารณาเรื่องกรอบเวลาที่เหลือในปี 2565 กันต่อว่าฉากทัศน์จะเป็นอย่างไรบ้าง
ไตรมาสที่ 1 (มกราคม – มีนาคม) กำลังจะผ่านไป เท่ากับว่าเรามีเวลาอีก 9 เดือน ถ้าเราใช้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.0 ล้านคน เท่ากับว่าเราจะต้องทำตัวเลขเดือนละ 300,000 กว่าคนสำหรับ 9 เดือนที่เหลือในฝั่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนฝั่งนักท่องเที่ยวคนไทย และต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยก็ตามสภาวะและปัจจัยของตลาด Weekday vs. Weekend และกำลังซื้อของกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้แตกต่างกัน และกลุ่มโรงแรมที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต่างกัน
ถ้าลองประมาณการตัวเลขผู้ให้บริการฝั่งโรงแรมที่ยังสามารถเปิดให้บริการได้มีอยู่ 25-30% ของจำนวนโรงแรม 16,000 แห่ง เท่ากับจะมีโรงแรมที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 4,800 แห่งขึ้นไป แต่อาจจะเป็นการเปิดเพียงบางส่วน หรือเปิดเต็มรูปแบบ และถ้าคิดจำนวนห้องพักเฉลี่ยต่อโรงที่ 79 ห้อง เท่ากับจะมีจำนวนห้องพัก (Supply) 379,200 ห้อง
สิ่งที่ โรงแรม รีสอร์ท ควรดำเนินการต่อ
- รีสอร์ทที่มีเอเย่นต์ต่างประเทศที่เคยทำสัญญาขายห้องพักกันอยู่
- ติดต่อสอบถามหาข้อมูลล่าสุดถึงสถานการณ์ในบ้านเขา
- ติดต่อสอบถามหาข้อมูลเรื่องตลาดการท่องเที่ยว
- ตรวจสอบเรื่องเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย
- ติดตามมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
- ทบทวนราคาห้องพัก และเงื่อนไขการจอง รวมทั้งโปรโมชั่นที่จะใช้
2. โรงแรม ในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงที่ใช้เวลาขับรถยนต์ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
- ประมาณการจำนวนลูกค้า และอัตราการเข้าพักที่ต้องการในแต่ละเดือนภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน (ไม่ต้องไปเทียบหรือใช้ตัวเลขช่วงก่อนโควิด) หากแต่ใช้เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายประจำเดือนที่เกิดขึ้น และคุณต้องสร้างรายได้มาให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย
- พิจารณางบประมาณด้านการตลาดออนไลน์ (ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง) ที่จัดสรรในช่วง 9 เดือนที่เหลือ แยกเป็นประเภทต่าง ๆ หรือจะแยกตามช่องทาง แพลตฟอร์มที่คุณใช้อยู่ก็ได้
- นำสถิติอัตราการเข้าพัก และค่าใช้จ่ายย้อนหลัง 2 ปีช่วงโควิดที่ผ่านมาขึ้นมาพิจารณา หากคุณเปิดให้บริการในช่วงดังกล่าว
- อัพเดทมาตรการการเปิดให้บริการทั้งร้านอาหาร สถานบริการต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมทั้งการเดินทางเข้าออกในจังหวัด
นำตัวเลขทั้งข้อ 1 และข้อ 2 มาทำตารางประมาณการ 9 เดือน ร่วมกับประมาณการค่าใช้จ่ายเทียบเคียงกับที่ผ่านมา แล้วจึงวางแผนการปฎิบัติงาน (Action Plan) แบบรายเดือน พร้อมแผนติดตามผลแบบมีตัวชี้วัดเพื่อประเมินสถานการณ์ และมอบหมายจ่ายงานให้กับแต่ละทีมที่รับผิดชอบต่อไปค่ะ
.
.
.
ส่วนท่านใดต้องการอ่านบทความเก่าที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวในช่วงโควิด หรือการเตรียมเปิดโรงแรมแบบออกตัวให้เร็วที่ผ่านมา สามารถติดตามอ่านได้ตามเส้นทางต่อไปนี้ค่ะ
- เช็คลิสโรงแรมออกตัวให้เร็ว หลังโควิด-19 : https://thethinkwise.com/2020/04/17/checklist-for-hotel-to-be-ready-after-covid/
- บริการท่ามกลางโควิด : https://thethinkwise.com/2021/04/12/service-with-care-for-hotel/
.
.
.
สุดท้ายสิ่งสำคัญ คือ ทีมงาน
ทบทวนมาตรฐานและขั้นตอนการให้บริการตามคอนเซ็ปท์ของโรงแรม
เพิ่มเติมมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเข้าไปในวิธีปฎิบัติงาน
และการฝึกซ้อม ทำความเข้าใจระหว่างแผนก
.
.
ส่วนผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการ ก็หมั่นให้กำลังใจทีมงาน แบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างความมั่นใจในแนวทางการทำธุรกิจต่อไปข้างหน้าให้ทีมงานได้รับทราบเป็นระยะนะคะ
.
.
ขอให้ทุกท่านโชคดีค่ะ