


เมื่อการเดินทางยังมีข้อจำกัด
เมื่อวัคซีนยังได้รับไม่ถึง 70%
เมื่อเชื้อโรคสายพันธ์ุใหม่ยังแพร่กระจายและพัฒนาอย่างรวดเร็ว
เมื่อวินัยในการปฎิบัติตามข้อกำหนดยังไม่ถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังในทุกครอบครัว ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม
.
.
.
ธุรกิจท่องเที่ยวก็ยังอยู่ในภาวะที่ลำบาก และจะมีจำนวนผู้ประกอบการที่ต้องออกไปจากธุรกิจเรื่อย ๆ
ถึงแม้จะมีตัวเลขจากรายงานการสำรวจว่า 65% ของกลุ่มสำรวจต้องการเดินทางอีกครั้ง แต่ในความเป็นจริงยังไม่สามารถเดินทางได้อย่างปกติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานมากกว่า 6 เดือน สถานการณ์โรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจึงควรกลับมาพิจารณาทางเลือกใหม่ว่าจะไปต่อกันอย่างไร
สำหรับโรงแรมที่พักในบ้านเรา ขอให้ตั้งสมมติฐานในระยะ 12 เดือนต่อไปว่ามีเฉพาะตลาดในประเทศ (ไม่นับโรงแรมที่เลือกทำธุรกิจเป็น ASQ ) และกลุ่มลูกค้าที่ยังคงมีกำลังซื้อ ได้แก่ กลุ่มตลาดบน และกลุ่มที่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปทำธุระตามจังหวัดต่าง ๆ เท่านั้น
กับอีกกรณีคือโรงแรมที่พักที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันและมีอัตราการเข้าพักเพียง 10% – 15% ที่ผ่านมา การประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กับทางเลือกบนสถานะการเงินในเรื่องสภาพคล่องที่แตกต่างกันเป็นอย่างไร
.
.
.
สมมติว่า คุณทำโรงแรมขนาดเล็กจำนวน 55 ห้อง เคยมีราคาห้องพักเฉลี่ยก่อนโควิด-19 ระบาดอยู่ที่ 2,800 บาท/ห้อง/คืน โดยมีสัดส่วนระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในประเทศอยู่ที่ 75 : 25 ที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 70%
ในช่วงโควิด-19 ได้เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับภาครัฐ และปรับราคาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวลงมา 35% – 40% คงเหลือราคาห้องพักเฉลี่ย 1,680 – 1,820 บาท/ห้อง/คืน ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 % และเป็นตลาดในประเทศทั้งหมด
คำถาม
ในอีก 6 – 12 เดือนข้างหน้าภายใต้ตลาดในประเทศทั้งหมด คุณจะไปต่ออย่างไร ?
.
.
- สำรวจภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- สำรวจความสามารถในการสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดที่การเดินทางในประเทศยังคงไม่สะดวก
- สำรวจค่าใช้ในการดำเนินงานในแต่ละเดือน
- สำรวจกำลังคนและทีมงานที่ยังคงมีอยู่
- สำรวจช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม
สำหรับโรงแรมใหม่ที่กำลังเตรียมเปิดก็ควรพิจารณาสมมติฐานนี้เข้าไปในแผนการดำเนินงาน และแผนงบประมาณด้วยเช่นกัน
แล้วในเรื่องการตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย….จะทำอย่างไร
รายงานสำรวจจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นการสอบถามในเชิงจิตวิทยาถึงความรู้สึก และการรับรู้ของผู้บริโภคภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงการสำรวจ ดังนั้น การนำข้อมูลจากรายงานการสำรวจมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ นั้น ควรนำกลับมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ในบ้านเรา และปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจังหวัดของคุณด้วย และที่สำคัญควรทำเป็นฉากทัศน์ (Scenario) สัก 2-3 ทางเลือกในกรณีต่าง ๆ เพื่อที่คุณ ในฐานะเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารจะได้ประเมินทางเลือกได้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของบริษัทมากขึ้น
ตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานสื่อโซเชี่ยล และแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน เป็นตัวเลขที่ยืนยัน “ขนาดของตลาด” และ “ขนาดของกลุ่มลูกค้า” ที่มีพฤติกรรมแตกต่างกันไปบนแต่ละแพลตฟอร์ม ดังนั้นการนำมาปรับใช้ควรกลับไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโรงแรมที่พักของคุณเป็นหลัก ยิ่งกำหนดคุณลักษณะของกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดมากเท่าไหร่ คุณก็จะเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันหากโรงแรมคุณยังคงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาทำการตลาดออนไลน์ ขอให้ทำการประเมินผลงานกันเป็นระยะให้ดี มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน พร้อมทั้งแผนการทำงานล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือน ชนิดที่มีความยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวได้ตลอดเวลา
อย่าลืมว่าความสามารถในการสร้างรายได้ของโรงแรมลดลง แต่ถ้าคุณไม่ปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยเฉพาะเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณในการทำการตลาดออนไลน์และการสร้างสื่อประเภทต่าง ๆ การบริหารงานก็จะลำบากมากขึ้น
.
.
สุดท้ายก็คือเรื่องจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริการ และจะกลับมาเปิดให้บริการ ที่เป็นตัวที่สะท้อน Room Supply ในตลาดและในแต่ละจังหวัดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นสามารถเข้าไปดูจำนวนโรงแรมที่อยู่ใน SHA และ SHA Plus ในจังหวัดของท่านได้ พร้อมทั้งประมาณการจำนวนโรงแรมที่จะกลับมาเปิดในอีก 6 เดือน – 12 เดือนข้างหน้า


